วัดป่ามหาวัน

วัดป่ามหาวัน(ภูหลง) ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๖ บ้านตาดรินทอง ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ บนเทือกเขาภูแลนคา สูงจากระดับน้ำทะเล ๘๐๕ เมตร ห่างจากวัดป่าสุคะโตประมาณ ๑๔ กิโลเมตร ในอดีตเทือกเขาภูแลนคาเป็นเทือกเขาที่มีความหลากหลายของทรัพยากรทางธรรมชาติซึ่งกรมป่าไม้ได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติภูหยวก และป่าสงวนแห่งชาติภูแลนคาด้านทิศเหนือ หลังจากการยกเลิกสัมปทานป่าไม้ ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๑๔-๒๕๑๖ ชาวบ้านก็เริ่มบุกเบิกเข้าไปจับจองพื้นที่ทำกิน
วัดป่ามหาวันเกิดขึ้นจากการริเริ่มหลวงพ่อบุญธรรมและหลวงพ่อคำเขียนจากวัดป่าสุคะโต ได้ขอบิณฑบาตพื้นที่บางส่วนที่ชาวบ้านเข้าบุกเบิกทำพื้นที่ทำกินบริเวณรอบป่าภูหลง ซึ่งต่อมาเรียกว่าบ้านตาดรินทอง พร้อมทั้งชักชวนให้ชาวบ้านร่วมกันปักแนวเขตวัดป่ามหาวัน (ภูหลง) เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าภูหลงที่เป็นป่าต้นน้ำลำปะทาวเอาไว้
ปัจจุบันวัดป่ามหาวันเป็นวัดในโครงการพัฒนาป่าไม้ร่วมกับพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ ของกรมป่าไม้ มีเนื้อที่ของโครงการประมาณ 2807 ไร่ สภาพเป็นป่าสมบูรณ์บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ ที่เหลือเป็นสภาพป่าเสื่อมโทรม โดยทางวัดป่ามหาวันและกรมป่าไม้ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกขน ในการดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆ

วัดภูเขาทอง

วัดภูเขาทองตั้งอยู่ที่หมู่บ้านท่ามะไฟหวาน ตำบลแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิห่าง จากวัดป่าสุคะโตประมาณ ๓ กิโลเมตร เดิมเป็นวัดร้าง ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ เมื่อชาวบ้านทราบว่าหลวงพ่อคำเขียน จะมาประจำอยู่ที่ป่าใกล้บ้านกุดโง้ง (วัดป่าสุคะโตในปัจจุบัน) จึงได้นิมนต์ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองของวัดประจำหมู่บ้าน ท่านจึงรับเป็นเจ้าอาวาส ดำริว่าจะไปประจำที่วัดภูเขาทอง ๑-๒ ปี 

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง หลวงพ่อคำเขียนกับความเปลี่ยนแปลงที่บ้านท่ามะไฟ-หวาน (หว่านพันธุ์แห่งโพธิ) ไว้ว่า

“บ้านท่ามะไฟหวานในยุคนั้น คำว่า “บ้านป่าเมืองเถื่อน”
อาจให้ความรู้สึกธรรมดาเมื่อเทียบกับสมญานามที่ ชาวบ้านบางคนตั้งให้แก่บ้านท่ามะไฟหวานว่า
“ดงเลือด”…………………. หลวงพ่อคำเขียนสามารถเปลี่ยนแปลง หมู่บ้านนั้นให้มาเป็นชุมชนที่สงบเรียบร้อย
ผิดกับอดีตเมื่อทศวรรษที่แล้ว อย่างสิ้นเชิง ทั้งๆที่ ท่านมีโอกาสทำงาน จริงจังที่นั่นเพียงไม่กี่ปี
ท่านได้เปลี่ยนแปลงท่ามะไฟหวานเป็นอันมาก”