การปฎิบัติเจริญสติของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

บทนำ

ธรรมะที่ผมว่าอยู่นี้ ไม่ใช่ของใครทั้งหมด เป็นสากล เป็นของทุกคน ไม่ใช่เป็นของศาสนาพุทธ ไม่ใช่เป็นของศาสนาพราหมณ์ ไม่ใช่เป็นของศาสนาคริสต์ ไม่ใช่ของคนไทย ไม่ใช่ของคนฝรั่ง ไม่ใช่ของคนอังกฤษ ไม่ใช่ของคนอเมริกา ไม่ใช่ของคนญี่ปุ่น ไต้หวันทั้งนั้น เป็นของผู้รู้

ใครรู้ก็เป็นของคนนั้น ใครไม่รู้ไม่เป็นของคนนั้น ไม่ว่าศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาอะไรก็ตาม มันมีในคนทุกคน ไม่ใช่ว่ารู้แล้ว จะสงวนลิขสิทธิ์ไม่ให้คนอื่นทำได้ ไม่ใช่อย่างนั้น รู้แล้วทำลายก็ไม่ได้ เพราะมันทำลายไม่ได้ มันไม่มีอะไรจะไปทำลายมันได้ แล้วจะไม่ให้คนอื่นรู้ มันก็ไม่ได้เพราะเป็นหน้าที่ของคนที่ทำรู้เอง เรารู้แล้ว จะทำลายมัน ทำลายไม่ได้เพราะมันเป็นอย่างนั้นตลอดเวลา

คนโบราณบ้านหลวงพ่อเคยสอนเอาไว้ว่า “สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ พระนิพพานก็อยู่ที่ใจ” ใจมันอยู่ที่ไหน? เราเคยเห็นใจเราบ้างไหม? ไม่เคยเห็น เมื่อไม่เคยเห็น เราก็ต้องศึกษาปฏิบัติให้รู้ว่า ใจเราคืออะไร?  นรก คือ ความร้อนอกร้อนใจ มีทุกข์แล้วในขณะไหนเวลาใด ความทุกข์อันนั้นมันจางคลายไป เราก็ขึ้นสวรรค์ โกรธมาเที่ยวหน้า ตกนรกอีกแล้ว แน่ะ …

บัดนี้เราอยู่เพียงแต่สวรรค์ ไม่ไปตกนรก แต่ว่าไม่รู้จักทิศทางออก ทำอยู่กับโลกียธรรม… เมื่อเราหาทางออกจากโลกียธรรมไม่ได้ เราก็หมุนเวียนอยู่ในโลกียธรรมดีกับโลกเป็นวิสัยของสัตว์ เป็นวิสัยของสัตว์โลก เป็นวิสัยของสัตว์ ยังไม่เป็นวิสัยของมนุษย์ ยังไม่เป็นวิสัยของพระอริยบุคคล ให้เข้าใจอย่างนั้น เมื่อเราพ้นทุกข์ได้แล้ว นั่นแหละเป็นวิสัยของโลกุตรธรรม

อัน(ที่)เป็นพระพุทธเจ้า คือ จิตใจสะอาด จิตใจสว่าง จิตใจบริสุทธิ์ จิตใจผ่องใส จิตใจว่องไว นั่นแหละคือ จิตใจ ของพระพุทธเจ้า ก็มีในคนทุกคนไม่มียกเว้นเลย น้ำกับตมเลนนั้น มันไม่ใช่อันเดียวกัน ตมเลนต่างหาก(ที่)ทำให้น้ำขุ่น (แต่) น้ำมันไม่ได้ขุ่น จิตใจเราก็เช่นเดียวกัน ถ้าเรารู้จักอย่างนั้นแล้ว เราจะค่อยๆตามไป พระพุทธเจ้าท่านจึงว่า อันจิตใจบริสุทธิ์แล้ว ขี้ตม ฝุ่น ไม่สามารถทำให้น้ำขุ่นได้อีก จิตใจเราก็ผ่องใส ขี้ตมก็จะเป็นตะกอนทะลุออกก้นโน้น จิตใจว่องไว มันก็เบา สามารถมองเห็นอะไรได้ทุกอย่าง

โลกียธรรมกับโลกุตรธรรมจึงอยู่ด้วยกัน ถ้าเรารู้โลกุตรธรรมจริงๆแล้วก็แยกกันได้หรือออกจากกันได้(แต่) ถ้าเรายังไม่รู้จริงๆจะแยกกันไม่ได้ ธรรมที่ทำให้พระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์นั่นน่ะ ทำให้พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้า มันมีมาก่อนพระพุทธเจ้า คือ ตัวที่มันจิตใจเป็นปกติอยู่เดี๋ยวนี้แหละ

ในขณะนี้ ที่นั่งฟังหลวงพ่อพูดอยู่ในขณะนี้นี่ ลักษณะชีวิตจิตใจ ของท่านเป็นปกติอยู่เดี๋ยวนี้นี่แหละ ในขณะนี้ ที่นั่ง ฟังหลวงพ่อพูดอยู่ในขณะนี้นี่ ลักษณะชีวิตจิตใจของท่านเป็นอย่างไร? มันก็เฉยๆ เฉยๆ เรามีสติรู้ไหม? ถ้าเรามีสติรู้ลักษณะเฉยๆนี่ อันนี้แหละที่ท่านว่า ความสงบ ทำงาน พูด คิดอะไรก็ได้ แต่ไม่ต้องไปยุ่งอะไรให้มันมาก

ลักษณะ(นี้)สอนกันนิดเดียวเท่านั้นแต่คนไม่เข้าใจ… ไปทำของง่ายๆให้มันยาก ทำของสะดวกสบายให้มันยุ่งขึ้นมา ลักษณะเฉยๆนี่ ไม่ต้องไปทำอะไรมันเลย ลักษณะเฉยๆนี่ มันมีในคนทุกคนเลย แต่เราไม่เคยมาดูที่ตรงนี้… ลักษณะเฉยๆนี้ ท่าน(เรียก)ว่า อุเบกขา วางเฉย ความทุกข์เกิดขึ้น เพราะเราไม่เห็นความคิดนั่นแหละ ตัวความคิดจริงๆนั้น มันก็ไม่ได้มีความทุกข์ ที่มันมีทุกข์เกิดขึ้น คือเราคิดขึ้นมา เราไม่ทันรู้ ไม่ทันเห็น ไม่ทันเข้าใจความคิดอันนั้น มันก็เลยเป็นโลภ เป็นโกรธ เป็นหลงไป เมื่อมันเป็นโลภ เป็นโกรธ เป็นหลงไป มันก็นำความทุกข์มาให้เรา

ความจริงความโกรธ – ความโลภ – ความหลงนั้น มันไม่มี ตอนมันมีนั้นคือเราไม่ได้ดู “ต้นตอของชีวิตจิตใจ”นี้เอง มันก็เลยโผล่ออกมา

บัดนี้มาทำความรู้สึกตัว มันคิด… เห็น รู้ เข้าใจ ตัวนี้เป็นตัวสติ เป็นตัวสมาธิ เป็นตัวปัญญา เราเรียกว่า “ความรู้สึกตัว” (เมื่อ) เรารู้สึกตัวแล้ว ความคิดจะไม่ถูกปรุงแต่งไป ถ้าเราไม่เห็นความคิดแล้ว มันจะปรุงแต่งเรื่อยไปเลย

อันนี้เป็นวิธีปฏิบัติอย่างลัดๆ อึดใจเดียวก็ได้